Give Up The Funk (Tear The Roof Off The Sucker) : รำลึกถึงพลังของฟังก์ที่กระหึ่มและจังหวะเต้นรัว ที่ทำให้เราอยากขยับตัวไปพร้อม ๆ กัน

Give Up The Funk (Tear The Roof Off The Sucker) : รำลึกถึงพลังของฟังก์ที่กระหึ่มและจังหวะเต้นรัว ที่ทำให้เราอยากขยับตัวไปพร้อม ๆ กัน

“Give Up The Funk (Tear The Roof Off the Sucker)” เป็นเพลงสุดคลาสสิกของวง Parliament-Funkadelic วงดนตรีระดับตำนานผู้คร่ำหวอดในแวดวงฟังก์ ซึ่งปล่อยเพลงนี้ในปี 1975 จากอัลบั้ม “Funkentelechy vs. the Placebo Syndrome”

ก่อนจะมาถึงยุคทองของฟังก์ในช่วงทศวรรษที่ 70s, George Clinton ผู้เป็นหัวหน้าวง Parliament-Funkadelic ได้รวบรวมนักดนตรีมากความสามารถจากวง P-Funk ซึ่งประกอบด้วยมือกลอง Fred Wesley และ Maceo Parker, นักเบส Bootsy Collins, และนักร้อง Lyn Collins

Clinton มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการผสมผสานเสียงร้องแบบโซล, จังหวะหนักแน่นของฟังก์, และองค์ประกอบของจาซเข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้ดนตรีของ P-Funk มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและแยกไม่ออกจากวงอื่น ๆ ในยุคนั้น

“Give Up The Funk (Tear the Roof Off the Sucker)” เป็นเพลงที่ epitomizes เสียงอันทรงพลังของ P-Funk ด้วยเนื้อร้องที่เชิญชวนให้ผู้ฟัง “ยอมแพ้” และมอบตัวให้กับจังหวะฟังก์ที่ไพเราะ

ส่วนดนตรีประกอบนั้นถูกสร้างขึ้นจากกลองที่มีจังหวะหนักแน่น, ไวโอลิน, และเครื่องดนตรีอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดเสียงLayered sound ที่ซับซ้อน

ในช่วง verse แรก, George Clinton ร้องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและอารมณ์ขัน “Everybody say yeah, Everybody say oh/You gotta move to the groove/If you don’t move to the groove…” ส่วน chorus ของเพลงนั้นเต็มไปด้วยความกระหายที่จะให้ผู้ฟัง “ยอมแพ้” ต่อฟังก์

“Give Up The Funk” นั้นไม่ใช่แค่ชื่อเพลงเท่านั้น แต่ยังเป็นคำเชิญชวนอย่างชัดเจน ที่ให้ผู้ฟังยอมสละทุกสิ่งเพื่อมอบตัวให้กับจังหวะฟังก์

เพลงนี้กลายเป็น “anthem” ของวง P-Funk และได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ว่าเป็นหนึ่งในเพลงฟังก์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

นอกจากความโดดเด่นด้านดนตรีแล้ว “Give Up The Funk (Tear the Roof Off the Sucker)” ยังโด่งดังด้วยมิวสิควิดีโอที่มีภาพยนตร์แอนิเมชั่นสุดพิเศษ

ประวัติของ Parliament-Funkadelic

Parliament-Funkadelic เป็นวงดนตรีฟังก์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1960s โดย George Clinton Clinton ได้นำเอาศิลปินจากวง The Parliaments, Funkadelic และ The Brides of Funkenstein มารวมกัน เพื่อสร้างวงดนตรีที่ไม่มีใครเหมือน

วง P-Funk มักถูกยกย่องว่าเป็นผู้ริเริ่ม “funk revolution” ในช่วงทศวรรษ 1970s

ด้วยแนวเพลงที่ผสมผสานระหว่างฟังก์, โซล, และร็อค, พร้อมด้วยการแสดงบนเวทีที่เต็มไปด้วยพลัง, วง P-Funk ได้สร้างอิทธิพลอย่างมากต่อวงดนตรีฟังก์และศิลปิน R&B

หลังจากที่ “Give Up The Funk (Tear the Roof Off the Sucker)” ประสบความสำเร็จอย่างสูง, วง Parliament-Funkadelic ยังคงปล่อยเพลงฮิตออกมาอีกหลายเพลง เช่น “Flash Light” ,“One Nation Under a Groove” และ “Atomic Dog”

อิทธิพลของ “Give Up The Funk (Tear the Roof Off the Sucker)” ในวัฒนธรรมป็อป

“Give Up The Funk (Tear the Roof Off the Sucker)” ได้รับการบันทึกเป็นเพลงฟังก์ที่ทรงพลังและมีอิทธิพลที่สุดตลอดกาล

เพลงนี้ได้รับการนำไป cover และ sample โดยศิลปินมากมายในหลาย ๆ สไตล์

  • Red Hot Chili Peppers: วงร็อคชื่อดังได้นำ “Give Up The Funk” มาแสดงสดบ่อยครั้ง

  • Dr. Dre & Snoop Dogg: Rapper ชื่อดังทั้งสองได้ sample องค์ประกอบของเพลง “Give Up the Funk” ในเพลงฮิต “Nuthin’ but a ‘G’ Thang”

นอกจากศิลปินที่กล่าวมาแล้ว ยังมีศิลปินอีกมากมายในหลากหลายวงการ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก P-Funk และเพลง “Give Up The Funk (Tear the Roof Off the Sucker)"

ความหมายของ “Give Up The Funk” ในยุคปัจจุบัน

ถึงแม้ว่าจะถูกปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 1975, แต่ “Give Up The Funk” ยังคงเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

ในยุคของ streaming และสื่อดิจิทัล, เพลงนี้ถูก rediscover และถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์, โทรทัศน์ และเกม

เพลงนี้ยังคงเป็นตัวแทนของพลังฟังก์ที่กระหึ่ม, จังหวะเต้นรัว, และความสนุกสนาน

“Give Up The Funk (Tear the Roof Off the Sucker)” เป็นเพลงที่ไม่เคยล้าสมัย และจะยังคงทำให้ผู้ฟังขยับตัวไปพร้อมกับจังหวะและให้ความรู้สึกถึงความสำราญอย่างไม่รู้จบ.